โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์
เมื่อศึกษาเรื่อง Tenses จบแล้ว
นักเรียนควรมีความสามารถดังนี้
1. ใช้คำกริยาได้ถูกต้องตาม Tense ต่างๆ
2. ใช้คำกริยาได้ถูกต้องตามประธานที่กำหนดให้
3. อธิบายความแตกต่างของการใช้คำกริยาในแต่ละ Tense ได้
หมายเหตุ บทเรียนเรื่อง Tenses ในระดับชั้นเรียนนี้จะกล่าวถึง Tenses ต่างๆ ต่อไปนี้
1. Present
Tense ได้แก่ Present Simple Tense, Present
Continuous Tense และ Present Perfect Tense
2.
Past Tense ได้แก่ Past Simple Tense
3.
Future Tense ได้แก่ Future Simple Tense
Tense คือ รูปแบบของกริยาที่แสดงให้ทราบว่า
การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด ได้เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น
ซึ่งจะกล่าวในที่นี้ คือ
1. Present
Simple
Tense
2.
Present Continuous
Tense
3.
Present Perfect Tense
5. Future Simple Tense
การใช้ Present Simple Tense มีวิธีใช้ดังนี้ คือ
1.
เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น
The
earth moves round the sun.
Tigers are dangerous
animals.
John is the
youngest son.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย
ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes,
generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น
My
son sometimes plays tennis with his father.
He always gets up
at eight o’clock.
The
bus comes every ten minutes.
ในประโยคปฏิเสธ (Negative Form)มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
คือ
1.
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb
to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น (can, may, must,
will, shall) สามารถเติม not หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที
เช่น
She
is a teacher. → She is
not a teacher.
I
can play baseball. → I cannot
play baseball./ I can’t play baseball.
2. ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb
to be หรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ
2.1
ใช้ do not หรือ don’t (รูปย่อของ do not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้
ที่ไม่ได้เติม s, es เช่น
We
walk to school every day.
เป็น We do
not walk to school every day.
หรือ We don’t
walk to school every day.
The
children always make a loud noise.
เป็น The children do
not always make a loud noise.
หรือ The children don’t
always make a loud noise.
2.2
ใช้ does not หรือ doesn’t (รูปย่อของ does not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s,
es โดยตัด sหรือ es ก่อน เช่น
The
baby sleeps well every night.
เป็น The
baby does not sleeps well every night.
หรือ The baby doesn’t
sleeps well every night.
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s, es ออก แล้วกลับมา
ใช้ตัวเดิมก่อน เช่น
The
baby cries every night.
เป็น The
baby does not cry every night.
หรือ The baby doesn’t
cry every night.
(ในที่นี้จะต้องตัด ies ออกก่อนแล้วกลับมาเติม y เหมือนเดิม เมื่อใช้ does not เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่นๆ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน)
ในประโยคคำถาม (Interrogative Form) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
คือ
1.
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb
to be หรือกริยาช่วยตัวอื่นๆ ให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยค
มาวางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น
You
are a nurse. → Are you
a nurse?
They
can speak
English. → Can they
speak English?
2.
ในประโยค Present Simple Tense ที่ไม่มี Verb
to be หรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้
2.1
ใช้ do วางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์)
เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติม s, es แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค
We
have lunch at twelve. → Do we have lunch
at twelve?
Susan
and I play tennis every day. → Do Susan
and I play tennis every day?
2.2
ใช้does วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์)
เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติม s, es โดยตัด s,
es ออกเสียก่อน แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค
He
often goes to the beach. → Does he
often go to the beach?
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัวต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, es จะต้องตัด s และ es ออก แล้วกลับมาใช้รูปเดิมของคำกริยาเสียก่อนที่จะใช้does วางไว้หน้าประธานของประโยค เช่น
Jennifer
tries to climb the mountain. → Does Jennifer try to
climb the mountain?
หมายเหตุ ลักษณะของคำถามแบบนี้
จะต้องตอบด้วย Yes. หรือ No.
กฎการเติม s และ es ในคำกริยา
1.
เติม es ที่คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s,ss,ch,x หรือ o เช่น
Dang goes to
the post office.
He catches the
train to Ayuttaya.
The
bus no.13 passes Lumpini Park.
2.
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
She studies in
the United States of America.
The
baby cries at midnight.
ยกเว้น คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ซึ่งหน้า y มีสระ (a,e,i,o,u) ให้เติม s ได้เลย เช่น
The
boy plays the guitar well.
My
mother buys many things in that store.
3.คำกริยาปกติอื่นๆ เติม s ได้ทันที เช่น
He wants to
go to the beach.
The
dogs eats bone.
ทริปดีๆ TENSE
How To Withdraw Wager on Blackjack - JTM Hub
ตอบลบThere 광양 출장마사지 is also a 서귀포 출장샵 minimum-margin 충주 출장안마 of 0.10 (10.5-2.0) on each bet. If the bet wins, you will 부산광역 출장안마 get a return on your wager 수원 출장샵 for that wager. If the bet loses, your